เงินติดล้อ ริเริ่มโครงการให้ความรู้ทางการเงิน ในปี 2556 จากการที่บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาเรื่องการบริหารจัดการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของกลุ่มลูกค้า เราจึงริเริ่มโครงการขึ้นมา ด้วยความเชื่อว่า “ความรู้พื้นฐานทางการเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่โอกาสการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” ก่อนจะขยายโครงการไปสู่พนักงานเงินติดล้อ หน่วยงานภายนอก และชุมชน ภายใต้ “โครงการนำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” ในปี 2558 ดำเนินโครงการภายใต้แนวคิด Creating Shared Value เปิดโอกาสให้พนักงานเงินติดล้อได้มีส่วนร่วม ตั้งแต่การนำเสนอชุมชน และร่วมเป็นอาสาในการออกไปให้ความรู้กับชุมชน
เงินติดล้อ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ จึงได้กำหนดแนวทางเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม รวมไปถึงการเข้าร่วมปฏิบัติการด้านความยั่งยืน โดยสร้างความเข้าใจ ให้พนักงานตระหนักถึงผลกระทบต่าง ๆ อยู่เสมอ
รณรงค์ให้พนักงานลดการพิมพ์และการใช้กระดาษ โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบ Scan ผ่านเครื่อง Multi-Function Device(MFD) และบันทึกเก็บเป็นรูปแบบไฟล์ การรับ-ส่งข้อมูล ผ่านระบบคอมพิวเตอร์แทนการรับ-ส่งในรูปแบบกระดาษเอกสาร ใช้กระดาษรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำระบบ Share Point/Drive มาใช้จัดเก็บข้อมูล เพื่อลดการเก็บกระดาษ แผ่น CD หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอื่น ๆ ลดการจัดซื้อหมึกพิมพ์ และการพิมพ์ที่ไม่จำเป็นโดยคำนึงถึงการนำมาใช้อย่างประหยัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อ สิ่งแวดล้อม
ในส่วนของสำนักงาน เราใช้ระบบสวิตช์ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างเหมาะสมกับพื้นที่และเลือกใช้อุปกรณ์และหลอดไฟชนิดประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมถึงรณรงค์ให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมอย่างง่าย ๆ เช่น การปิดไฟ / อุปกรณ์ไฟฟ้า ในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวันและหลังเลิกงาน ขึ้นลงชั้นเดียว เลือกใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ เป็นต้น
สนับสนุนการใช้อุปกรณ์และสุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำ ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบรอยรั่วของท่อประปา หรือรอยรั่วก๊อกน้ำ เป็นประจำ และ รณรงค์การใช้น้ำอย่างถูกวิธี ไม่ปล่อยให้น้ำไหลทิ้งอย่างสูญเปล่า
รณรงค์การดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่จอดรถเพื่อขึ้นของ-ลงของ หรือคอยผู้โดยสาร เพื่อลดมลพิษ เดินทางเท่าที่จำเป็น และศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง เพื่อไม่ให้เสียเวลาและช่วยประหยัดน้ำมัน ขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และพยายามขับด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน การเลือกใช้พลังงานทางเลือก หรือพลังงานทดแทน